รีวิว Maze Runner: The Death Cure ไข้มรณะ
ดินทางมาถึงภาคสุดท้ายแล้ว สำหรับภาพยนตร์แอ็คชั่นไซไฟ Maze Runner: The Death Cure ไข้มรณะ ซึ่งมีทั้งหมด 3 ภาค ที่สร้างมาจากนวนิยายขายดี ผลงานของผู้กำกับคนเดิม Wes Ballและยังได้ทีมนักแสดงชุดเดิมเตรียมมาวิ่งในครั้งนี้อีกด้วย ทั้ง Dylan O’Brien, Ki Hong Lee, Kaya Scodelario และ Thomas Brodie-Sangster
Maze Runner: The Death Cure ไข้มรณะ ว่าด้วยเรื่องราวของ โทมัส ฮีโร่หนุ่มที่เผชิญหน้ากับภารกิจสุดอันตรายในการค้นหายารักษาเชื้อร้ายที่เรียกว่า “แฟลร์” ได้นำเหล่าเกลดเดอร์ที่หลบหนีไปพบกับภารกิจสุดท้ายที่อันตรายที่สุดที่เคยเจอมา เพื่อช่วยเพื่อนที่กำลังตกอยู่ในอันตราย
พวกเขาต้องบุกเข้าไปในเมืองในตำนานเมืองสุดท้าย ซึ่งเป็นเขาวงกตที่ถูกควบคุมโดย W.C.K.D ซึ่งอาจเป็นที่ที่อันตรายที่สุดในบรรดาเขาวงกตทั้งมวลเลยก็ว่าได้ และใครก็ตามที่รอดชีวิต จะได้รู้คำตอบที่เหล่าเกลดเดอร์ต่างสงสัยตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาได้ไปถึงเขาวงกตนั้น
การเดินทางของ Maze Runner บนจอเงินจะสิ้นสุดในภาคนี้แล้ว แต่ตัวหนังสือที่เป็นนวนิยายได้มีการเขียนเพิ่มมาก 2 เล่ม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะเกิดภาคแรก ทำเอาแฟนหนังต้องมาลุ้นกันอีกครั้งว่าจะมีการสร้างหนังตามต้นฉบับซึ่งเป็นนวนิยายหรือไม่ หากมีโปรเจกต์ที่ว่านี้เกิดขึ้น เชื่อว่าแฟนๆ คงได้เฮกันอีกแน่ๆ เพราะยังมีปมต่างที่ยังไม่ไขออกมาว่าเหตุใดเรื่องราวจึงดำเนินมาแบบนี้
แม้หลายเสียงจะบอกว่าภาคสอง Maze Runner: The Scorch Trials (2015) จะน่าเบื่อไม่สนุกเท่าที่ควร แต่เชื่อว่าคนที่แฟนหนังจริงๆ ก็ต้องดูจนจบให้ครบทั้ง 3 ภาคแน่นอน โดยส่วนตัวยอมรับว่ายังมีโอกาสได้ดูแค่ภาคแรก ซึ่งก็ถือว่าเปิดฉากสร้างความประทับใจได้เป็นอย่างดี และในเวลานั้นหนังแนวนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่มาสร้างความแปลกใหม่ได้พอสมควร แม้จะมีหนังเรื่องอื่นที่มีพล็อตคล้ายๆ กัน แต่ก็ให้ความรู้สึกกันคนละแบบ
มาถึงภาคสุดท้าย Maze Runner: The Death Cure แค่เห็นตัวอย่างก็ตื่นเต้น ดึงดูดความสนใจมาก เพราะอยากรู้ว่าจะสามารถปิดฉากหนังไตรภาคออกมาได้ดีมากแค่ไหน จึงได้ตั้งความหวังไว้สูงทีเดียว พอได้ดูหนังจนจบแล้วจึงพบว่า Wes Ball ทำหนังออกมาไม่ทำให้ผิดหวัง ปิดฉากได้ดี แม้ว่าเราอาจจะรู้จุดจบของตัวละครทั้งหมดมาจากนิยายบางส่วนแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลดทอนความสนุกลงแม้แต่น้อย โดยภาพรวมหนังสนุกกว่าคิด
แม้ว่าพล็อตหนังจะเป็นไปตามสูตร จบแบบที่ทุกคนน่าจะรู้ดี การดำเนินเรื่องค่อนกระชับ ไม่ค่อยยืดเยื้อ การดูหนังเวลา 2 ชั่วโมงกว่า แทบไม่มีความน่าเบื่อเลย เพราะฉากส่วนใหญ่น่าตื่นเต้น และชวนลุ้นไปกับตัวละครตลอดเวลา ที่สำคัญประทับใจตัวละครในเรื่องมาก ทั้ง โทมัส, นิวท์, มินโฮ และคนอื่นๆ บอกก่อนเลยว่าภาคสุดท้ายนี้จะมีคนต้องเสียสละชีวิตมากกว่า 1 คน ซึ่งทำเอาน้ำตาซึมไปเหมือนกัน
หากลำดับเรื่องจากภาค 1 และ 2 ที่ต้องวิ่งหาทางออกเพื่อเอาชีวิตรอด การปิดฉากด้วยภาคที่ 3 วิ่งเพื่อช่วยเหลือคนอื่น ก็ถือว่าเป็นหนังที่มีแนวคิดโลกสวยพอสมควร แต่ไม่ใช่ว่าไม่ดี หากเป็นชีวิตจริงๆ เราย่อมต้องเลือกทำเช่นเดียวกับในหนังแน่ๆ เพราะการเอาตัวรอดคนเดียวก็ไม่เท่ากับการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สุดท้ายแล้วการทำสิ่งให้ประสบความสำเร็จนั้นย่อมต้องอาศัยความสามัคคีเป็นหลัก เพราะเราไม่สามารถอยู่รอดตัวคนเดียวได้
Maze Runner: The Death Cure ไข้มรณะ 9/10 คะแนน เข้าฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนต