“I will look for you, I will find you and I will kill you” โทษๆ ผิดเรื่อง 555

“แค่คำถามสมมุติเล่นๆ ว่าคุณเป็นคนแบบไหนกัน…ถ้าฉันขอให้คุณทำอะไรนิดหน่อย คุณจะทำไหม?” 

เมื่อเห็นหน้าป๋าเลียมทีไร เรามักจะคาดเดาไปก่อนเลยว่ามันต้องเกิดความ lostshift อะไรสักอย่างกับป๋าหรือรอบๆ ตัวป๋า เพราะไม่ว่าป๋าจะขึ้นเครื่องบิน เครื่องบินก็โดนปล้น อีกเรื่องเครื่องบินตก ต้องมาอยู่ในสภาพอากาศอันหนาวเหน็บแถมยังต้องเจอกับหมาป่าอีก และมาในเรื่องที่เราคุ้นเคยกันอย่าง Taken ซวยได้ทุกภาคต้องตามไปช่วยครอบครัวอยู่ร่ำไป และแน่นอน มาในบทนำภาพยนตร์เรื่องใหม่ล่าสุดนี้ อย่าง The Commuter คงเดากันได้ไม่ยากว่ามันจะเกิดความวายป่วงแค่ไหนบนรถไฟขบวนนี้ 555

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าช่วงหลังๆ ป๋าแกเล่นแต่หนังประเภทนี้แหละ ในตอนแรกทีเห็นเรานึกเลยว่า แน่นอนมันต้องเป็นหนังบู๊ ประเภทเดิมๆ ไม่หนีพวก Taken สักเท่าไหร่ ซึ่งหนังแบบนี้มันก็เกลื่อนกลาด และบทมันก็เดิมๆ แต่พอหลังจากได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว กลับเปลี่ยนความคิดเราไปพอสมควรนะ จนเรารู้สึกว่า มันก็โอเคอยู่นะ แต่จริงๆ มันก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่

ส่วนที่ชอบมากๆ คือตอนต้นเรื่องเลย 5-10 นาทีแรกของหนัง หนังบอกเล่าเรื่องราวของตัวละครอย่าง Michael ซึ่งรับบทโดย Liam Neeson ผ่านทางการให้คนดูได้เห็นกิจวัตรประจำวันของป๋าแก โดยใช้ภาพจำของตัวละครให้เกิดการจดจำในคนดู เช่นการดำเนินเหตุการณ์ผ่านสถานที่เดิมๆ แต่บทสนทนาที่แตกต่างออกไป ซึ่งมันทำให้คนดูได้รับรู้ว่าในแต่ละวันของป๋าเลียมนั้น ต้องพบเจอกับอะไรบ้าง จนเรารับรู้ไปเองโดยปริยายว่า “อ๋อ ชีวิตป๋าเป็นแบบนี้นี่เอง” โดยที่หนังไม่ได้พยายามยัดเยียมคำพูดเพื่อบอกกล่าวกับคนดูเลย มันเจ๋งตรงเนี้ยแหละ ใครที่จะไปดูต้องบอกเลยว่าพลาดไม่ได้จริงๆ กับช่วงต้นเรื่อง

และอย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่า มันไม่ใช่หนังแอคชั่นจ๋าอย่างเรื่อง Taken แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีฉากบู๊เลย ออกจะเป็นแนวสืบสวนเล็กๆ ได้เหมือนกัน “แค่คำถามสมมุติเล่นๆ ว่าคุณเป็นคนแบบไหนกัน…ถ้าฉันขอให้คุณทำอะไรนิดหน่อย คุณจะทำไหม?” เป็นคำพูดที่ตัวละครหญิงในตัวอย่างพูดกับป๋าเลียม ซึ่งนั่นเองเหมือนเป็นการใส่ปมและตั้งคำถามปลายเปิดกับคนดูเกี่ยวกับการหาตัวบุคคลบางคนที่อยู่บนขบวนรถไฟ เพื่อแลกกับเงินรางวัลจำนวนหนึ่ง พร้อมกับตอบคำถามว่าจริงๆ แล้ว เราเป็นคนแบบไหนกันแน่ ในจุดนั้นมันทำให้คนดูได้เกิดข้อสงสัยพร้อมตั้งคำถามและติดตามหนังอยู่ตลอดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่หนังเองกลับคลี่คลายปัญหาได้ง่ายจนเกินไป แถมยังมีอะไรที่สามารถเล่นกับประโยคนั้นได้อีกเยอะ จนทำให้เรารู้สึกว่า “เอาง่ายๆ งี้เลยหรอ” แต่ถึงอย่างไรก็ตามตัวหนังก็สนุกและชวนให้น่าติดตามอยู่ดี

ในด้านของฉากแอคชั่นถึงจะมีไม่มาก แต่ก็ทำออกมาได้ดีเลย โดยในแต่ละฉากตัวป๋าเองเล่นได้เหนื่อยจริงๆ เหมือนคนแก่จริงๆ (ตัวจริงก็แก่แล้วแถมบทที่ป๋าแกรับก็เป็นพ่อที่แก่แล้วเหมือนกัน) เห็นแล้วเหนื่อยแทน ตอนถ่ายทำมีใครกลัวแกจะเป็นลมมั่งไหมนะ 555 แถมฉาก Long Take เกือบๆ ท้ายเรื่อง ค่อนข้างทำออกมาได้ดี น่าลุ้น และน่าสนใจไม่น้อยเลย

โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ป๋าเลียมแสดงออกมาได้ดีและสมบทบาทมาก บางฉากนี่ลุ้นกันจนใจเต้นรัวเลยทีเดียว แต่ถึงอย่างไรก็ตามในด้านบทมันก็ยังไม่ฉีกจากหนังเรื่องอื่นทีเราเคยดูมาเท่าไหร่  (หรือเราเองที่เบื่อหนังแนวนี้แล้วหว่า 555) โดยรวมแล้วเป็นหนังที่ดีและให้ความบันเทิงในระดับหนึ่งพอสมควรเลยแหละถือว่าเป็นอีกเรื่องที่ดูก็ได้ ไม่ดูก็ไม่เสียดาย แต่ถ้าใครชื่นชอบหรือติดตามป๋าเลียมเป็นพิเศษ ผมก็แนะนำว่าควรไปดูนะครับ

Related Article

Write a comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *